พระผู้เป็นเจ้าผู้สร้างคือใคร
(ch69) 2009313_80584.jpg

                                                           

                      พระผู้เป็นเจ้าผู้สร้างคือใคร 

 

    ถึงเวลาแล้วที่ทุกดวงจิตลูกๆ ควรจะรู้จักผู้มีนามว่า

 

                          "พ่อผู้ให้กำเหนิด"(ch69) 2009313_80913.gif

 (ch69) 2009313_80878.gif

 

 

              เรื่องจริงของ ทุกดวงจิต ที่ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ ทุกเชื้อชาติ ทุกศาสนา ทุกลัทธิ จำเป็นต้องรู้ และควรที่จะรู้จักชื่อพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดอย่างแท้จริง(ต้นกำเนิดดวงจิต) ที่ผ่านมาแต่กาลก่อนไม่มีใครรู้จัก ไม่มีใครสนใจ และไม่มีใครพูดถึงมาก่อน แม้แต่พระพุทธเจ้าผู้เป็นเจ้าของศาสนาพุทธ ก็มิได้พูดให้เหล่าสาวกทั้งหลายได้รับรู้และรับฟังมาก่อน พระพุทธเจ้าตรัสแต่เพียงว่า "ความ รู้ที่ตถาคตนำมาสอนพวกเธอในเวลานี้  เปรียบเพียงใบไม้ในกำมือนี้เท่านั้น แต่สิ่งที่ตถาคตรู้แล้ว แต่ไม่ได้นำมาบอกพวกเธอนั้น มีมากกว่าใบไม้ที่มีอยู่ในป่า"  นี่แหละ แม้แต่ในสมัยพุทธกาลก็ไม่มีใครได้มีโอกาสรู้จัก   พระผู้เป็นเจ้าผู้สร้างโลก ณ เวลานี้พระองค์อนุญาตให้เปิดเผยเรื่องราวของพระองค์ได้ ผมเรียกท่านว่า "พระบรมบิดา"

             

 

              ณ สถาน ที่แห่งหนึ่งอันเวิ้งว้างว่างเปล่า จะเรียกว่ามีเมืองเมืองหนึ่งก็ว่าได้ เพียงแต่ยังไม่มีผู้อยู่อาศัย และสถานที่แห่งนี้ก็เป็นสถานที่แปลกมาก เพราะว่าเป็นสถานที่ที่ไม่ได้มีผู้คนธรรมดาสามัญอย่างเราเราอาศัยอยู่ มองดูสถานแห่งนี้แล้วไม่เห็นว่าจะมีที่อยู่อาศัย ที่มนุษย์หรือว่าสิ่งมีชีวิตจะอาศัยได้ ไม่มีบ้านไม่มีต้นไม้ ไม่มีสิ่งปลูกสร้างอะไรเลย มีแต่ความเวิ้งว้างว่างเปล่า กว้างใหญ่ไพศาลไม่มีที่สิ้นสุด แต่กลับมีสิ่งหนึ่งที่ไม่สามารถบอกได้ว่า ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ทำไมบางสิ่งบางอย่างที่โลกนี้มี  ทำไมโลกมนุษย์ที่เราอาศัยถึงไม่มีนั่นก็คือ ความเงียบสงบและอบอุ่นพอดีๆ ไม่ร้อนและก็ไม่หนาว  รู้สึกถึงความสุขสงบ อย่างไม่เคยพบเห็นในที่แห่งใดมาก่อน บรรยากาศของที่แห่งนี้โล่งโปร่งสบายๆ ไม่มีหมอกควันให้เห็นแม้แต่น้อย  และแล้วท่ามกลางความเวิ้งว้างว่างเปล่าอันกว้างใหญ่ไพศาลนั้น ได้มีบางสิ่งบางอย่างปรากฏขึ้น ณ เบื้องหน้าที่ผมยืน อยู่ เป็นดวงแสงสว่างกลมโตมาก สีขาวโปร่งนวลใสคล้ายกับกระจกแก้ว มีแสงสว่างเจิดจ้าทั้งดวง พร้อมทั้งเปล่งประกายออกรอบๆ ประดุจพระจันทร์วันเพ็ญ ลอยเด่นสว่างไสวอยู่เบื้องหน้า และแล้วดวงแสงกลมโตสว่างไสวนั้นก็ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงเป็นรูปกายของท่านผู้หนึ่งอย่างช้าๆ จากเป็นเงาใสๆ สว่างๆ ก็ชัดเจนขึ้นๆ เป็นลำดับ ท่านผู้นั้นมีร่างกายสูงใหญ่ปรากฏกายในลักษณะในท่านั่ง  ตัวของผมเล็กลงไปในทันที  ท่านนั่งบนที่นั่งอย่างหนึ่งเป็นแท่นแก้ว ท่านนั่งเอามือวางไว้เหนือหัวเข่า ใบหน้ายิ้มนิดๆ การแต่งกายไม่เหมือนมนุษย์ในโลกของเรา แต่งกายคล้ายพรหมเทวดาตามที่ผมเคยเห็น แต่ท่านสวยกว่าและงดงามเป็นสง่าราศีมาก เทียบไม่ได้กับใครๆ ที่ผมเคยเห็นมา กายของท่านก็ใสเป็นเพชร ใสมากแต่ก็มองเห็น การแต่งกายหรือว่าเครื่องประดับเป็นเพชรใส เปล่งประกายเป็นระยิบระยับ รัศมีนวลใสแผ่ซ่านสว่างเจิดจ้าออกรอบๆ กาย จนต้องหรี่ตา พร้อมทั้งได้ยินกระแสเสียงของท่าน ดังก้องกังวานไพเราะจับจิต 

         

           "ลูกรักของพ่อ วันนี้พ่อได้สร้างปาฏิหาริย์ปรากฏการณ์ให้ลูกได้เห็น ในครั้ง นี้เป็นครั้งแรก และไม่เคยมีผู้ใดได้เห็นพ่อในลักษณะที่ปรากฏต่อหน้าลูกในเวลานี้มาก่อน ลูกจงนำสิ่งที่ลูกเห็นในครั้งนี้ ไปบอกกล่าวให้ผู้คนทั้งหลาย ที่ต้องการเรียนรู้ในสิ่งใหม่ๆ ได้รับรู้และรับทราบ และลูกก็เป็นมนุษย์เพียงผู้เดียวเท่านั้น ที่มีความมั่นจิตในตนเองสูงสุด พ่อจึงให้ลูกได้ใน สิ่งที่ผู้อื่นไม่มีใครเคยได้ นั่นก็คือ อภิญญาใหญ่ เป็นความรู้เหนือโลก รู้ทุกสิ่งรู้ทุกอย่างไม่มีขีดจำกัด และจงเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่พี่น้องของลูก เพื่อให้พวกเขาทั้งหลายได้มีความรู้ และมีความมั่นจิตเช่นเดียวกันกับลูก เพื่อที่พวกเขาทั้งหมดจะได้กลับคืนสู่ ณ สถานที่ที่ลูกยืนอยู่ในเวลานี้

 

          

           เอาละพ่อขอมอบพรอันประเสริฐ ที่จะเป็นประโยชน์แก่ลูกๆ ทั้งหลาย ที่ยังมีร่างกายอยู่ในโลกสมมุติ" "ลูก รักของพ่อทั้งหลาย จงมีความอดทน และจงอดทนให้ถึงที่สุด ชาตินี้จงเป็นชาติสุดท้ายของลูกๆ จงรีบเร่งนำกายทิพย์กลับคืนสู่สถานที่ๆ ลูกจากมา และพ่อขออวยพรให้ลูกๆ ทั้งหลาย จงสมปรารถนาทุกประการนะลูก"  ลูกจงนำพรของพ่อไปมอบให้สรรพสัตว์ที่เป็นลูกๆ ของพ่อทุกดวงจิต และจงจดจำคำพรของพ่อนี้ตลอดไป จนกว่าวาระสุดท้ายที่ร่างกายสมมุติลูกๆ พังสลาย จงรีบนำจิตอันบริสุทธิ์กลับคืนสู่โลกทิพย์นิพพานสวรรค์นิรันดรในทันที  ลูกๆ ทั้งหลาย จะได้กลับคืนสู่สภาพเดิมจิตเดิม มีกายทิพย์เช่นเดียวกันกับกายทิพย์ของพ่อในเวลานี้ ลูกๆ ทั้งหลาย จะได้อยู่ในวิมานทิพย์นิพพานสวรรค์นิรันดร ตลอดกาลตลอดไปตราบนิรันดรนะลูกเอ้ย..

 

 

 

          จากนั้นท่านได้ดลบันดาลกายทิพย์ลูกๆ ให้ปรากฏขึ้นมากมายนั่งคุกเข่าแวดล้อมท่านอยู่ พร้อมกับภาพสภาวะของแดนทิพย์นิพพานสวรรค์นิรันดร ในเวลาปัจจุบันนี้ ปรากฏมีวิมานทิพย์ขึ้นมากมายนับไม่ได้ ถ้าจะนับก็ได้ แต่ต้องนับหรือรู้ได้ด้วยจิตทิพย์เท่านั้นว่ามีจำนวนเท่าใด มีกายทิพย์นั่งอยู่ในวิมานแก้วมากมายมากกว่าล้านๆๆๆดวงจิต(กายทิพย์ บริสุทธิ์)  หลังจากนั้นท่านก็ บันดาล ให้เห็นภาพที่ท่านได้อธิษฐานกายทิพย์ของลูกๆขึ้นมา ก่อนที่จะส่งพวกเราไปเรียนรู้ยังโลกสม มุติที่ท่านสร้างขึ้น และนี่เป็นสิ่งที่ท่านดลบันดาลให้ผมได้เห็น ในสมัยแรกเริ่มเดิมที ของโลกทิพย์นิพพานสวรรค์นิรันดรนั่นเอง แล้วสถานที่แห่งนี้อยู่ที่แห่งไหน และจะไปที่แห่งนี้ด้วยวิธีไหน  ตามไปเลยครับผมจะพาท่านไป แต่อย่าเอากายมนุษย์ที่เต็มไปด้วยขี้เยี่ยวไป และขอบอกไว้ก่อนนะครับว่าใครที่มีจิตคับแคบ มากด้วยมานะทิฐิ ยึดมั่นถือมั่นในความรู้ตามตำราไม่มีสิทธิ์ไปครับ จงเอาจิตที่ไม่มีมานะทิฐิตามไปนะครับ  ผมจะพาคุณไปรู้จักกับพระบรมบิดา พ่อผู้ให้กำเนิดดวงจิตพวกเราบนโลกทิพย์นิพพานสวรรค์นิรันดร

 

 

 

         สถาน ที่แห่งนี้ ชาวคริสต์ศาสนา และอีกหลายลัทธิเรียกว่า สวรรค์นิรันดร ส่วนชาวพุทธศาสนาเรียกว่า พระนิพพาน แต่สำหรับผมจะไม่ขอแยกเชื้อชาติศาสนา จะเรียกรวมๆ ว่า โลกทิพย์นิพพานสวรรค์นิรันดร

 

       

        เบื้องหน้าของผมในเวลานี้ เป็นภาพของแดนทิพย์นิพ พานสวรรค์นิรันดร ที่พระบรม บิดาทำภาพย้อนไปในตอนแรกเริ่มเดิมที ที่ยังไม่มีโลกใดๆ และยังไม่มีสถานที่ใดๆ ที่เรียกว่า สิ่งมีชีวิตและสิ่งที่ประกอบไปด้วยธาตุต่างๆ  มีแต่เพียงสถานแห่งหนึ่ง ซึ่งเรียกเป็นภาษาในปัจจุบันว่า โลกทิพย์นิพพานสวรรค์นิรันดร สถานที่แห่งนี้มีความเป็นทิพย์ละ เอียด  มองด้วยตาเนื้อไม่เห็น  ต้องมองด้วยจิตทิพย์(ความเป็นทิพย์ของจิตเรียกว่า ทิพย์จักขุญาณ)  เวลานั้นยังไม่มีคน  สัตว์  อบายภูมิ  สวรรค์  พรหม  มีแต่เพียงแดนทิพย์นิพพานสวรรค์นิรันดรเท่านั้น  ท่ามกลางโลกทิพย์นิพพาน  มีเพียงดวงจิตเดียวเท่านั้น ที่อุบัติขึ้นมาเพียงลำพังอย่างโดดเดี่ยว จิตอันบริสุทธิ์ของพระองค์ไม่มีใครสร้าง และไม่มีดวงจิตอื่นๆ อีก  เป็นดวงจิตที่มีความเป็นทิพย์มหัศจรรย์ มีรัศมีเจิดจ้าสว่างไสว เปล่งประกายไปทั่วสถานที่แห่งนั้น ดวงสว่างเจิดจ้านั้นมีความเป็นทิพย์ สามารถขยายใหญ่หรือเล็กได้ จำแลงแปลงเป็นรูปกายใดๆ ก็ได้  ตามที่พระองค์ต้องการ สถานที่ที่ท่านอยู่นั้นมีความเป็นทิพย์อันบริสุทธิ์  จิตกายทิพย์ของพระองค์มีแต่ความบริสุทธิ์ ผมจึงขอเรียกชื่อของพระองค์ตามความบริ สุทธิ์ของสถานที่นั้นว่า วิสุทธิ  แปลว่า ผู้บริสุทธิ์ เป็นดวงจิตยิ่งใหญ่ เป็นกายทิพย์ที่ละเอียดมากๆ ถ้าพระองค์ไม่บันดาลให้เราเห็น เราก็จะเห็นท่านไม่ได้ กายของท่านใสละเอียด พูดง่ายๆ ก็คือใสเป็นแก้ว(เพชร) มองทะลุไปเลย(มองไม่เห็น) แต่นี่อาศัยที่ท่านเมตตา สร้างกายทิพย์ละเอียดพอดีๆ ที่จิตทิพย์ของเราสามารถมองเห็นได้เป็นรูปเป็นร่าง  เห็นชัดเจนแม้กระทั่งเครื่องประดับองค์แพรวพราว ก็ด้วยเหตุที่ท่านต้องการให้เราเห็นนั่นเอง ไม่ใช่ว่าเราเก่งมีความสามารถมอง เห็นท่านได้ทุกคนนะครับ ถ้าพระองค์ไม่ให้เห็นก็ไม่มีทางได้เห็น ไม่ใช่ใครที่มีโอกาสขึ้นไปบนแดนนิพพานจะได้เห็นกันทุกคน  ถึงแม้จะมีทิพย์จักขุญาณเก่งแค่ไหนก็ตาม

 

ต่อ มาท่านจึงอธิฐานให้กายทิพย์ของท่านเอง แยกเป็นกายทิพย์ลูกๆ (คำว่าลูกๆ ก็คือ มีกายทิพย์ที่เล็กกว่าท่านมาก) มีจำนวนมากมายนับประมาณล้านๆๆ ดวงจิตในชุดแรก และได้อธิฐานกายทิพย์ลูกๆ ขึ้นมาอีกมากมายเป็นล้านๆๆๆๆๆ ดวงจิต  ซึ่งมีกายทิพย์เหมือนพระองค์ทุกอย่าง  เพียงแต่มีกายทิพย์ที่เล็กกว่ากายทิพย์ของท่านมาก  เทียบกับกายทิพย์ของท่านแล้ว กายทิพย์ลูกๆ เท่านิ้วก้อยของท่านเท่านั้น  กายทิพย์พระองค์และก็กายทิพย์ของลูกๆ ไม่ต้องสนทนากันเหมือน กับพวกเรา เพราะทุกกายทิพย์สมบูรณ์บริบูรณ์ในทุกสิ่งทุกอย่าง รู้ทุกสภาวะด้วยจิตทิพย์  พระองค์กับกายทิพย์ลูกๆ ไม่ต้องมีชื่อสมมุติ ไว้ใช้เรียกขานกันให้ยุ่งยากเหมือนพวกเราในเวลานี้  พวกเราที่เป็นกาย ทิพย์ลูกๆ   เมื่อแรกเริ่มเดิมที ก่อนที่จะถูกส่งไปเรียนรู้ยังโลกสมมุติ ยังไม่มีโอกาสได้เรียนรู้ถึงสภาวะบรมสุข บนแดนทิพย์นิพพานสวรรค์นิรันดร ว่ามีความสุขเพียงไร ทุกอย่างเป็นไปตามพระประสงค์ของพระ องค์ท่าน พูดง่ายๆ ก็คือ เมื่อพวกเราถูกสร้างขึ้นมาปั๊บ คือพอได้เกิดก็ไม่มีโอกาสได้อยู่บนนั้นนานๆ ยังไม่ได้เรียนรู้ว่าบนแดนทิพย์นิพพานนั้นมีความสุขที่สุด ก็ถูกท่านส่งไปเรียนรู้ยังโลกอื่นๆ  ที่ท่านอธิษฐานสมมุติขึ้น ซึ่งมันสวยงามมากในแต่ละโลกที่ท่านสร้างขึ้นมาใหม่ๆ

 

 (ch69) 2009313_82250.jpg

 

           พระองค์ได้อธิษฐาน สร้างระบบสุริยะจักรวาลขึ้นมาทั้งหมดประกอบด้วย โลกต่างๆ มากมาย  จากนั้นจึงได้สั่งดวงจิตกายทิพย์ของลูกๆ ว่า "ลูกทั้งหลายเจ้าจงไปเรียนรู้สภาวะของโลกสมมุติ ที่พ่ออธิษฐานสร้างขึ้นไว้ให้ ลูกจงไปเรียนรู้การเป็นอยู่ แล้วก็จงกลับคืนสู่สถานที่แห่งนี้โดยเร็ว อย่าได้หลงติดในโลกสมมุติที่พ่อได้สร้างขึ้นโดยเด็ดขาด"  

 

           

            จากนั้นพระองค์ได้ส่งพวกเราไปเรียนรู้ในโลกต่างๆ ในช่วงแรกส่ง ไป 3 โลก แต่ก็ไม่มีดวงจิตใดยอมกลับสู่สวรรค์นิรันดรเลย  ต่อมาท่านได้ส่งดวงจิตลูกๆ ไปเรียนรู้ยังโลกชมพู อีก 1 โลกด้วยกัน รวมทั้งหมดเป็น 4 โลก ที่มีมนุษย์อาศัยอยู่ในเวลานี้(ที่พวกเราเรียกเขาว่า มนุษย์ต่างดาว) ท่านได้ส่งดวงจิตกายทิพย์ลูกๆ จำนวนมากที่สุด ไปเรียนรู้ยังโลกหลุมดำ เป็นอันดับแรก  รองลงมาเป็นโลกสูตู  โลกจามร   และโลกเรานี้มีชื่อว่า โลกชมพู  ซึ่งดวงจิตกายทิพย์ที่ถูกส่งมาเรียนรู้ยังโลกชมพูนี้ รวมทั้งทุกท่านที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ พวกเราก็คือพี่น้องที่มาจากสถานที่แห่งเดียว กัน ที่เรียกว่าโลกทิพย์นิพพานสวรรค์นิรันดร กายทิพย์บริ สุทธิ์ที่ลงมายังโลกชมพูใบนี้แล้ว ไม่ได้ยึดติดในโลกสมมุติ ไม่ลุ่มหลงในโลกใหม่อันสวยงามในยุคแรกเริ่ม จึงสามารถนำกายทิพย์กลับคืนสู่โลกทิพย์นิพพานได้ในช่วงแรก มีจำ นวน 2 หมื่นล้านล้านดวงจิต หลังจากนั้นก็ไม่มีดวงจิตใครๆ ได้กลับโลกทิพย์นิพพานได้อีกเลย  ถึงแม้ในตอนแรกจะยังไม่มีเพศหญิงเพศชาย พวกเราต่างก็หลงกันเอง หลงในโลกสมมุติ หลงในธรรมชาติที่พระองค์สร้างขึ้น  ยิ่งในเวลาปัจจุ บันนี้ก็ยิ่งไปกันใหญ่ เพราะมีรูปหญิงรูปชาย ที่สามารถแตะต้องสัมผัสได้ ถึงแม้จะมีความสวยงามเทียบไม่ได้แม้แต่น้อยนิด กับกายทิพย์ของเราที่ถูกส่งมาในเริ่มแรก แต่พวกเราก็ยังหลง หลงจนกระทั่งเราละเมิดกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่พระองค์ตั้งขึ้นมา อันเป็นผลให้พวกเราได้รับผลของเศษกรรม เกิดเป็นคนเป็นสัตว์ ได้รับความทุกข์ในรูปแบบต่างๆ และในเวลานี้ก็ยังมีพวกเราอีกมาก ที่ยังไม่ยอมเรียนรู้และยอมรับในตัว ตนที่แท้จริงของตนเอง ยังไม่ยอมแก้ไขเปลี่ยนแปลงพฤติ กรรม ยังพากันลุ่มหลงกันต่อไป นี่แหละที่เขาเรียกว่า โลภ โกรธ หลง  ก็เลยพากันลืมบ้านเกิด  เหมือนคนทุกวันนี้แหละ มีลูกมีเมียแล้ว ก็ยังไปหลงของใหม่ของเก่านอกบ้าน จนทิ้งบ้านเก่าบ้านใหม่ไป  บางท่านก็บ้านแตกไปเลยก็มี สุดท้ายก็ตายเกิด เกิดแล้วก็ตาย เวียนอยู่เท่านี้แหละสรรพสัตว์ น่าสมเพชเวทนาจริงหนอ

 

            พวกเราในปัจจุบันนี้ก็คือ ดวงจิตลูกๆ ของพระบรมบิดาทั้งหมด  ผมจึงขออนุญาตจากท่านว่า ลูกขอเรียกพระองค์ว่า "พ่อใหญ่" ได้หรือไม่ ท่านบอกว่า "ได้ ลูก หมู่ชนที่เป็นชาวพุทธจะเรียกพ่อว่า สมเด็จองค์ปฐมบรมบิดาก็ได้ แต่ยังมีพี่น้องของลูกที่ไปเกิดอยู่ในประเทศอื่นๆ ที่ไม่มีพุทธศาสนาเหมือนในประเทศไทย ลูกควรจะเรียกชื่อของพ่อให้เป็นภาษา สากล ให้ผู้คนส่วนมากได้รู้จักพ่อมากขึ้น ฉะนั้นในหนังเล่มนี้จงใช้ชื่อของพ่อว่า "พระบรมบิดา"  ก็แล้วกันนะลูก"

 

 

 

            ผมได้ถามท่านว่า ท่านอาจารย์เกษร แห่งบ้านทิพย์ปฏิบัติธรรม  เรียกชื่อพ่อว่า องค์สมเด็จพระวิสุทธิพุทธรังสีบรมบิดา ใช่องค์เดียวกันกับพ่อหรือไม่  ท่านบอกว่า "ช่แล้วลูก  จิตเดิม ของพ่อนั้นบริสุทธิ์ รวมทั้งจิตเดิมของลูกๆ ก็บริสุทธิ์  จึงไม่จำเป็นต้องใช้ชื่อสมมุติ  แต่ในปัจจุบันนี้ลูกๆ ทั้งหลาย รวมทั้งลูกเกษรเองก็เช่นกัน ได้หลงติดอยู่ในสิ่งสมมุติโลกที่พ่อสร้างขึ้นมา  จึงต้องอาศัยชื่อสมมุติในโลกใช้เรียกชื่อแทนกัน ลูกเกษร จึงรู้จักพ่อในนามว่า องค์สมเด็จพระวิสุทธิพุทธรังสีบรมบิดา

 

 

            ต่อมาก็มีลูกนี่แหละ ที่ได้พบกับพ่อ แล้วสามารถพูด คุยกับพ่อได้อย่างละเอียดมากที่สุด และที่สำคัญก็คือ ลูกไม่เหมือนกับลูกคนอื่นๆ ที่ได้มีโอกาสได้พบกับพ่อ  ลูกเป็นผู้ที่ไม่ยอมเชื่ออะไรง่ายๆ ในทุกสิ่งทุกอย่างที่พ่อบอกกับลูก  ลูกยังไม่เชื่อพ่อในทันที ลูกจะหาเหตุหาผลมาถามพ่อ จนกว่าพ่อจะรับรองว่าถูกต้องดีแล้วลูก  นี่แหละคือตัวลูก ลูกเป็นผู้ที่พ่อต้องการให้ลูกๆคนอื่นๆ ที่มีโอกาสได้พบเจอพ่อในวันข้างหน้าหลังจากพวกเขา ได้อ่านหนังสือหรือ ว่าได้ฟังลูกพูดในที่ต่างๆ แล้ว จงจดจำไว้เป็นแบบอย่าง จงอย่าพึ่งเชื่อในสิ่งที่เห็น และในสิ่งที่ได้ฟังมา แม้แต่สิ่งที่พ่อบอกทั้งหมด ก็จงอย่าพึ่งเชื่อในทันทีทันใด ฟังแล้วจงคิด จงรู้จักใช้สติปัญญาพิจารณาหาเหตุหาผล ในสิ่งที่พ่อแนะนำเช่นเดียวกันกับลูก ช  ลูกๆทั้งหลายที่ได้อ่านได้ฟังได้รับความรู้จากลูก ช แล้ว จงนำไปคิดพิจารณาให้ดีให้ละเอียดถี่ถ้วน พร้อมทั้งจงฝึกฝนความรู้ความสามารถ รู้จักแก้ไขปัญหาต่างๆ ในชีวิตเหมือนกับลูก ช   ลูก ช นั้นพ่อได้แนะนำอะไรไป ถามอะไรไป ถึงแม้บางปัญหาจะยาก  แต่ลูก ช ก็พยายามถามเหตุถามผลจากพ่อ จนกระทั่งได้คำตอบที่แท้จริงด้วยปัญญาของเขาเอง ซึ่งปัญหาต่างๆ ที่ลูก ช ถามพ่อไปแล้วทั้งหมด ล้วนแล้วแต่เป็นไปเพื่อประโยชน์อย่างมากมาย แก่ดวงจิตพี่ๆ น้องๆ  ที่ยังหลงติดอยู่ในโลกสมมุติ

 

 

           นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ลูกจงเป็นผู้ที่ทำหน้าที่คอยช่วยเหลือดวงจิตพี่น้องของลูก ในเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโลกชมพู จงยืนยันให้ลูกๆ ทั้งหลาย  ได้มีความมั่นจิตมั่นใจ ในการกลับคืนสู่ โลกทิพย์นิพพานสวรรค์นิรันดรกันเสียที  และพ่อให้ลูกใช้ชื่อว่า  ช   ช  เป็นชื่อสมมุติหมายถึง  ชัยชนะเหนือสรรพสัตว์ เพราะว่าลูกได้รับความรู้เหนือโลก เหนือสรรพสัตว์ ในด้านปัญญาหลุดพ้น  ช คือ ชอบช่วย ช่วยเหลือแก่ผู้ต้องการให้ช่วย  ช คือ เชียงใหม่ จงใช้เชียงใหม่เป็นฐานที่พักอาศัยสำหรับร่างกายของลูก เพื่อทำงานในชาตินี้ ลูกมีความรู้มากมาย มากพอที่จะแนะนำสรรพสัตว์ให้รับรู้เรื่อง ราวต่างๆ ทั้งทางโลกและทางธรรมอย่างไม่มีที่สิ้นสุด  ลูกจงช่วยเหลือในทุกๆ ดวงจิตสรรพสัตว์น้อยใหญ่ แก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อให้สรรพสัตว์ได้คลายทุกข์ คลายความวิตกกังวลในทุกๆ เรื่อง  และจงแนะนำ พวกเขา ให้กลับสู่โลกทิพย์นิพพานในชาตินี้ เท่านั้นนะลูก และในเวลานี้ลูกเกษร ได้นำชื่อสมมุติของพ่อไปประกาศให้ลูกๆ ทั้งหลาย ที่ยังหลงติดอยู่ในโลกสม มุติให้ได้รู้จักพ่อ แต่เนื่องจากลูกๆ ทั้งหลายส่วนมาก โดย เฉพาะผู้ที่ได้ชื่อว่าพระภิกษุ และภิกษุ และผู้ที่มีความรู้ตามตำรา ที่พระพุทธเจ้าเรียกว่า เถรใบลานเปล่า ในปัจจุบันนี้มีมาก ต่างก็มีทิฐิมานะ ถือตนถือตัว ไม่ยอมรับในสิ่งที่เรียกว่า  ความรู้นอกตำรา ทั้งๆ ที่บางคนได้อภิญญา สมาบัติ สามารถจะนำกายทิพย์ ขึ้นไปถามปัญหาจากพ่อได้โดยตรง หรือว่าถามกายทิพย์ของพุทธเจ้าก็ได้ ก็จะรู้ตามความเป็นจริง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผู้ที่ได้อภิญญาสมาบัติ หรือผู้ที่ได้มโนมยิทธิทั้งหลาย จะต้องวางมานะทิฐิ วางการถือตนถือตัวก่อน(แยกกูแยกมึง) นั่นก็คือการละทิ้ง อุปทานยึดมั่นถือมั่น ลังเลสงสัยในตัวตนเสียก่อน  มีความเชื่อและมีศรัทธาต่อพ่อก่อน   แล้วตั้งจิตอธิษฐานขอพบพ่อเท่านั้น  จึงจะได้พบของจริงและได้รับความรู้ที่แท้จริงจากพ่อ ไม่อย่างนั้นก็จะต้องถูกพ่อทดสอบในรูปแบบต่างๆ มากมาย  จุดมุ่งหมายที่พ่อทดสอบลูกๆ ก็เพื่อให้เกิดความรู้มีปัญญา รู้จักใช้ปัญญาให้มาก มีทั้งเหตุและผล เพราะว่าลูกๆ อยู่ในดินแดนพุทธศาสนา อันมีพุทธเจ้าเป็นศาสดา เธอสอนให้สาวกมีเหตุมีผล ไม่งมงายเหมือนผู้คนที่ยังขาดที่พึ่ง ขาดปัญญา พ่อต้องการฝึกให้ลูกๆ มีความ ชำนาญในการใช้จิตทิพย์ ให้มีความชำนาญในหลายๆ ด้าน ไม่ใช่พอเห็นอะไรก็เชื่อหมด โดยไม่ตรวจสอบให้ละเอียดถี่ถ้วนก่อน และสำคัญที่สุดพ่อต้องการให้ลูกๆ ทุกดวงจิต ไม่ว่าตอนนี้จะมีร่างกายเป็นภิกษุ หรือว่าเป็นชาวบ้านธรรมดาก็ตาม ได้ละทิ้งอุปทานหลงตัวหลงตน หลงสิ่งสมมุติ เลิกทะนงตัวตนให้ได้มากที่สุด แต่ก็มีน้อยเต็มที  แม้แต่ผู้ที่เรียกว่า พระอรหันต์ก็ยังละทิฐิมานะได้ไม่หมด  จะหมดได้จริงๆ ก็ต่อเมื่อไม่มีคำว่า พระอริยะเจ้า ไม่มีคำว่าพระอรหันต์ ไม่มีคำว่าฉันเป็นครูบาอาจารย์ คุณเป็นลูก คุณเป็นศิษย์ สำนักคุณ สำนักฉัน ถ้าใครยังมีความคิดติดในสิ่งเหล่านี้อยู่  ก็จงรู้ตัวตนด้วยตนเองว่า ลูกๆ ยังมีมานะทิฐิอยู่มาก แต่ถ้าใครละทิ้งร่างกายเข้าสู่โลกทิพย์นิพพานสวรรค์นิรันดรแล้ว ผู้นั้นชื่อว่าได้ละทิ้งสมมุติได้อย่างแท้จริงนะลูก  ใน ปัจจุบันนี้ ผู้ที่มีความเชื่อว่า โลกทิพย์นิพพานสวรรค์นิรันดรนั้นมีจริง  และก็เชื่อว่า พ่อนั้นมีอยู่จริง และเป็นผู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดบนนิพพาน คนที่เชื่ออย่างนี้นั้นยังมีส่วนน้อย  ลูกๆ ทั้งหลาย อย่างเช่นที่ลูก ช เคยแนะนำให้ผู้อื่นฟัง เสมอว่า สรรพสัตว์ทุกดวงจิต แม้แต่พระพุทธเจ้าทุกๆ พระองค์นั้นก็ต้องมีที่มา มีพ่อมีแม่มาก่อน ไม่อย่างนั้นท่านจะเกิดมาจากไหน นี่แหละคือความเชื่อมั่นของลูก ช  รวมทั้งลูกๆ ทั้งหลาย ที่ได้ฟังคำอธิบายจากลูก ช แล้วพิจารณาด้วยเหตุด้วยผลแล้วจึงจะเชื่อ อย่างนี้ก็มีมาก  ส่วน มาก จะต้องใช้เวลาพิสูจน์ก่อน   สำหรับผู้ที่มีโอกาสได้พบเจอพ่อ แต่พวกเขายังขาดความรู้ ขาดความมั่นใจ รวมทั้งไม่มีผู้ใดที่จะรับรองความถูกต้องให้แก่พวกเขาได้  ลูกจึงเป็นอีกผู้หนึ่ง ที่จะเป็นผู้ที่จะต้องทำหน้าที่ คอยแนะนำให้ความรู้เกี่ยว กับเรื่องราวของพ่อให้ลูกๆ คนอื่นๆ ได้รู้จักพ่อมากขึ้น

 

 

           ในยุคปัจจุบันนี้ ลูกๆ ทั้งหลายที่มีความเคารพพ่อ ต้อง การมีพ่อเป็นที่พึ่ง และต้องการมีพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง  จะต้องอาศัยจิต จิตส่งถึงจิต (ch69) 2009313_81023.jpgจิตที่ประกอบไปด้วย ปัญญา ได้รับความรู้ที่แท้จริงและเข้าใจในความหมายของคำว่า รู้จักกาละ เทศะ ชุมชน บุคคล รู้จักตัวตนที่แท้จริงของตนเอง จนกระทั่งจิตมีความศรัทธา ต่อผู้ที่อยู่บน แดนทิพย์นิพพาน เช่นพ่อหรือพุทธเจ้า จงมีความเข้าใจ และตั้งใจเบื่อหน่ายในความทุกข์ อันเกิดจากกฎแห่งกรรม แล้วตั้งจิตกลับสู่โลกทิพย์นิพพานได้ด้วยตนเอง  ไม่ใช่อาศัยสื่อที่เป็นเพียงวัตถุ  ที่ลูกๆ คนไหนก็ตาม โดยเฉพาะผู้ที่เรียกตนเองว่า พระสงฆ์ หรือพระอริยะ ได้จัดสร้างขึ้นมา วัตถุมงคลทุกๆ อย่าง ไม่สามารถช่วยอะไรใครได้  ลูกๆ ทั้ง หลาย  ทำกรรมอันใดไว้ในอดีตชาติ ย่อมได้รับผลแห่งกรรมตามนั้น  ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ ขึ้นอยู่กับว่าในชาตินี้ ลูกๆ แต่ละดวงจิตที่มาอาศัยร่างกายคนสัตว์ จะได้ร ับกรรมอะไร กรรมใดจะส่งผลก่อนหรือหลัง ก็ต้องเป็น ไปตามนั้น เพียงแต่ในชาตินี้ ใครที่ทำความดีมากกว่าความไม่ดี และมีหน้าที่ที่จะทำเพื่อสาธารณะประโยชน์ สิ่งไหนที่เรียกว่ากรรมที่กำลังจะส่งผลแก่ลูกๆ ถ้าพ่อ พอที่จะช่วยประ คับประคอง จากหนักให้เป็นเบา จากเบาก็ไม่ให้เกิด พ่อก็ช่วยลูกได้เพียงเท่านี้  ไม่ใช่พ่อไม่ต้องการช่วยลูก แต่ลูกๆ เป็นผู้ทำกรรมนั้นขึ้นมาด้วยตัวของลูกเอง ลูกๆ เป็นผู้ละเมิดกฎเกณฑ์ที่พ่อสร้างขึ้น  เมื่อลูกเป็นผู้สร้างกรรมนั้นมาในอดีตชาติอันยาวนาน เมื่อถึงเวลาที่กฎแห่งกรรมใดๆส่งผล ลูกๆ ทั้งหลายก็จงยอมรับมันให้ได้ อย่ายอมแพ้อย่าอ่อนแอ และอย่าโทษผู้อื่นหรือโทษสิ่งใดๆ จงใช้คำพรที่พ่อให้ไว้นั่นก็คือ จงอดทนให้ถึงที่สุด ให้ทำใจยอมรับมันให้ได้ กรรมบางอย่างก็คลายตัวไปได้  จะเร็วหรือช้าทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่ว่า กรรมที่ส่งอยู่นั้นมันเบาหรือว่าหนัก ลูกๆ ทั้งหลายจะต้องมีความเชื่อมั่นในตนเองให้มากกว่านี้  ดังเช่นลูก ช จะเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูกๆ ทั้งหลายได้  โดยไม่ต้องอาศัยวัตถุมงคลใดๆ จงอย่ายึดติดในสิ่งใดๆ ที่เป็นสิ่งสมมุติ จงรีบเร่งทำความดีในแต่ละวันให้ดีที่สุด เพื่อจะได้กลับคืนสู่โลกทิพย์นิพพานสวรรค์นิรันดรในชาตินี้เท่านั้นนะลูก  ชีวิตของลูกๆ ที่เหลือจากนี้ไป จนกว่าจะถึงอายุขัยถึงวันตาย จงทำทุกสิ่งอย่างไปตามหน้าที่ของใคร ของมัน  จงอย่าเอาทิฐิชนกัน จงอย่าเอาความรู้ของใครของมัน เข้าห้ำหั่นตำหนิติเตียนกัน และอย่ายึดติดในทุกสิ่งทุกอย่างที่ไม่เที่ยง จงทำเพื่อละ ทำเพื่อวางเป็นชาติสุดท้ายนะลูก  จงพยายามทำจิตใจให้สบายๆ ในแต่ละวัน  และที่สำคัญที่สุด ณ เวลานี้ ได้มีผู้ที่ทำหน้าที่ เป็นสื่อแทนพ่อในโลกชมพูใบนี้แล้ว และผู้ที่เขียนหนังสือเล่มนี้ ก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่ได้รับหน้าที่จากพ่อโดยตรง และก็เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถ ที่จะช่วยเหลือและเป็นกำลังใจให้แก่ล ูกๆ ทั้งหลายได้เป็นอย่างดี  เพราะว่าเขายังมีร่างกาย ทุกคนมองเห็นเขาได้ จับต้องและสัมผัสเขาได้ ลูกๆ จะรู้สึกถึงความอบอุ่น ความสบายใจ รู้สึกผ่อนคลายสบายจิตสบายใจขึ้นมาก ถ้าได้พูดคุยกับเขา ทั้งๆ ที่เขาก็เป็นคน เป็นมนุษย์มีร่างกายเช่นเดียวกันกับลูกๆ   แต่สิ่งที่เขาแตกต่างกันกับลูกๆ ทั้งหลาย ก็เป็นเพียงเรื่องของจิตใจเพียงอย่างเดียว จิตใจของเขาที่ได้ผ่านการเรียนรู้และฝึกความอดทน ความเข้มแข็งจากพ่อ ถูกพ่อทดสอบต่างๆ นาๆ มากมายจนเขาแทบจะรับไม่ไหว เพราะเขายังมีร่างกาย ร่าง กายมนุษย์นั้นมีขีดจำกัดในการทำหน้าที่  ในบางครั้งลูก ช ถึงกับแสดงออกถึงความกดดันอย่างมาก ที่เขาต้องทำตามคำสั่งของพ่อ ถ้าเป็นคำสั่งของ มนุษย์ด้วยกันก็ว่าไปอย่าง เพราะว่าผู้คนที่อยู่รอบๆ ข้างเขาสามารถมองเห็นได้  แต่นี่เป็นคำสั่งของพ่อผู้ไม่มีกายเนื้อ ผู้คนที่อยู่รอบๆ ข้างเขา ไม่สามารถมองเห็นพ่อได้  จึงไม่เข้าใจว่าพ่อ ช ของพวกเขา คนที่เขาเคารพกำลังทำอะไรอยู่ แสดงออกถึงอาการบางอย่างว่า ใกล้บ้าเต็มที เพี้ยนไปแล้ว ต่างก็พากันตำหนิเขาไป ต่างๆ นาๆ  แต่ว่าลูก ช ก็สามารถทำตามคำสั่งของพ่อด้วยดีตลอดมา โดยไม่สนจิตสนใจว่า คนที่เคยรักและศรัทธาในตัวเขา จะหาว่าเขาบ้าหรือไม่ เขาไม่สนว่าใครจะสรรเสริญหรือว่านินทา เขารู้ตัวทั่วพร้อมว่ากำลังทำอะไรอยู่ ทำทำไม ทำเพื่ออะไร  และในบางครั้งลูก ช ก็นั่งบ่นเดินบ่นยืนบ่นและนอนบ่น 24 ชั่วโมง  ตัดพ้อต่อว่าพ่ออย่างรุนแรงก็มี พ่อรู้ว่าลูก ช มีความเคารพและศรัทธาต่อพ่ออย่างไม่เสื่อมคลาย นี่แหละมนุษย์ที่มีชื่อว่า ช เขาถูกพ่อฝึกให้มีความกล้าหาญ อดทน ไม่เกรงกลัวสิ่งใดๆ แม้แต่ความตาย ลูกๆ ทั้งหลายที่ได้อ่านหนังสือนี้ก็เช่นกัน ต่อไปอย่ากลัวอะไรแม้กระทั่งพ่อหรือว่าใครๆ จงอย่ากลัวแม้กระทั่งการที่จะต้องอดตาย เพราะถ้าลูกๆ ต้องตายไปหลังจากที่ลูกๆ ได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้ว จงทำความเข้าใจในเจตนาของลูก ช ซึ่งเป็นผู้เขียน เขาเขียนทุกเรื่องโดยไม่ยึดติดรูปแบบการปฏิบัติจากที่ไหนๆ ในฐานะที่พ่อเป็นพ่อของลูกๆ    เป็นผู้ที่ได้อธิษฐานกายทิพย์ของลูกๆ ขึ้นมาจากกายทิพย์ของพ่อเอง ฉะนั้พ่อก็คือลูก แต่ลูกไม่ใช่พ่อ และเวลานี้พ่อจะขอรับรองกับลูกๆ ทั้ง หลายว่า ใครๆ ก็ตามที่ได้ตั้งจิตอธิฐานเป็นสัจจะวาจา เพื่อสร้างปัญญา สร้างกำลังใจตั้งแต่ตอนนี้จนถึงขั้นสูงสุด เป็นปัญญาเพื่อความหลุดพ้น  จงทำอย่างต่อเนื่องตามคำแนะนำทุกวัน โดยไม่ สนจิตสนใจว่าชาตินี้ ลูกๆ จะได้เป็นพระอริยะเจ้าหรือไม่  แม้แต่คำว่า พระอรหันต์ ลูกๆ ก็จงอย่าสนจิตสนใจ  จงสนใจเพียงตนเอง และเฝ้าถามจิตตัวเองว่า ชาตินี้เราสุขหรือทุกข์ ต้องแก่ เจ็บ ตายหรือไม่  และอาการแก่ เจ็บ ตายมันดีหรือ  เรายังต้องการมันอีกหรือไม่ ถามตนเองตอบตนเองให้ได้อย่างมี เหตุมีผล อย่างมงายในสิ่งที่ขาดเหตุขาดผล และที่สำคัญที่สุดลูกๆ จะต้องพิจารณาจนเกิดปัญญา เกิดความเบื่อหน่าย ในการเวียนว่ายตายเกิด ตั้งจิตอธิษฐานทุกวัน เช้ากับก่อนนอน จนกว่าจะมีความมั่นใจอย่างชนิดที่เรียกว่า มั่นใจเกิน 100% ว่า ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายสำหรับเราแล้ว ตายเมื่อไหร่ขอนำกายทิพย์กลับคืนสู่สถานที่ที่เราจากมานั่นก็คือ โลกทิพย์นิพพานสวรรค์นิรันดร

 

นับตั้งแต่เวลานี้เป็นต้นไป ลูกจงแนะนำสรรพสัตว์ให้พวกเขารู้จักพ่อในนาม "พระบรมบิดา" หรือแม้แต่ใครจะเรียกพ่อสั้นๆ ว่า พ่อใหญ่ก็ได้ หรือจะเรียกพ่อว่า สมเด็จพ่อองค์ปฐมบรมบิดาก็ได้ พ่อไม่ใช่พระพุทธเจ้า  แต่พ่อเป็นพ่อของพุทธเจ้า เป็นพ่อของลูกๆ ทั้งหลาย ใหญ่ที่สุดบนแดนทิพย์นิพพานสวรรค์นิรันดร 

 

สรุป แล้ว ก็ไม่มีใครเคยเห็น กายทิพย์ที่แท้จริงของพ่อสักครั้ง  เพราะว่าพ่อจะให้ใครเห็น หรือไม่ให้ใครเห็นก็ได้  จะให้ใครเห็นเป็นอะไร เป็นใครก็ได้ทั้งนั้น ใครเคารพและศรัทธาผู้หนึ่งผู้ใด ก็อาจจะได้พบได้เห็นพ่อในนามกายทิพย์ของผู้นั้นก็ได้ เคารพใครศรัทธาผู้ใด ก็จงเคารพและศรัทธาผู้นั้นต่อไปอย่าเปลี่ยนแปลง อย่าเป็นคนจิตใจโลเลง่อนแง่นคลอนแคลน แต่จงเป็นผู้ที่มีสติปัญญา อาศัยการพิจารณาใคร่ครวญถึงเหตุและผล แล้วจึงค่อยเคารพค่อย ศรัทธา ลูกๆ ทั้งหลายจงจดจำคำของพ่อไว้ให้ดีนะลูก ใครที่มีทิฐิอยู่บ้างก็จะถูกพ่อทดสอบอยู่บ้าง และถ้าใครมีทิฐิมากก็ต้องถูกพ่อทด สอบมาก  และถ้ามีทิฐิมานะมากๆ ก็จะยิ่งไม่มีโอกาสได้พบพ่อตลอดไป 

 
 

 

           ลูกๆ ทั้งหลายถ้าใครต้องการความรู้เพิ่มเติมในทุกๆ เรื่อง ก็ให้โทรหาผู้ที่เขียนหนังเล่มนี้เอาเอง  และพ่อก็ขอเตือนลูกๆ ทั้งหลายว่า นับตั้งแต่เวลานี้เป็นต้นไป จงอย่าลุ่มหลงในสิ่งสมมุติอีกต่อไป จงรีบเร่งเรียนรู้วิธีการที่จะกลับคืนสู่โลกทิพย์นิพพานสวรรค์นิรันดรในชาตินี้โดยเร็วนะลูกเอ้ย.."

 

 

(Root) 2009313_28948.jpg
        
    "บัวย่อมเบ่งบานรับแสงทิพย์ยามรุ่งอรุณฉันใด"

    "ลูกๆ ทั้งหลายจงเปิดใจรับเอาพลังความดี พลังปัญญาจากพ่อนะลูกเอ้ย"


                                                  ถาม - ตอบปัญหา โดยท่าน ช 
 


คุณพึงพอใจกับเว็บไซด์ N.D. CLUB ในระดับไหน
ดีมาก
ดี
ปานกลาง
พอใช้
ควรปรับปรุง

(View results)


N.D.Club
 
N.D.Club
ND Grade
โรงเรียนวัดนวลนรดิศ
ดูข่าว-ดูทีวี
 
Breaking News
Udootv
สาระ
 
CG+ Computer.Graphic.Plus.Magazine
ULTIMATE GUITAR TABS ARCHIVE
Guitar Thai
Benalo's sculptures
[…Olivier…de…Sagazan…Site…]
The Thai Astronomical Society
Palungjit
Dantipnippan
Planet X Nibiru
Time-Counter
 

Free Site Counter
 
Today, there have been 13 visitors (67 hits) on this page!



This website was created for free with Own-Free-Website.com. Would you also like to have your own website?
Sign up for free